ประวัติเขื่อนเชี่ยวหลาน (เขื่อนรัชชประภา)
เขื่อนเชี่ยวหลาน หรือที่รู้จักกันในชื่อ เขื่อนรัชชประภา เป็นเขื่อนอเนกประสงค์สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย ตั้งอยู่ในอำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจดังนี้:
จุดเริ่มต้นและการก่อสร้าง:
โครงการเฉลิมพระเกียรติฯ: เขื่อนเชี่ยวหลานเป็นหนึ่งในโครงการที่จัดทำขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ ในปี พ.ศ. 2530 และพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก ในปี พ.ศ. 2531
วัตถุประสงค์: เขื่อนแห่งนี้สร้างขึ้นตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 4 เพื่ออำนวยประโยชน์ในด้านต่างๆ ทั้งการผลิตกระแสไฟฟ้า การกักเก็บน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม การแก้ไขปัญหาน้ำเสียและน้ำเค็ม รวมถึงการส่งเสริมการเกษตรและสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในภาคใต้
การดำเนินการ: การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง เริ่มลงมือก่อสร้างเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2525 และแล้วเสร็จในเดือนกันยายน พ.ศ. 2530
ลักษณะเขื่อน: เขื่อนเชี่ยวหลานเป็นเขื่อนประเภทเขื่อนหินทิ้งแกนดินเหนียว มีสันเขื่อนยาว 761 เมตร สูง 94 เมตร จุน้ำได้ 5,640 ล้านลูกบาศก์เมตร ขนาดพื้นที่อ่างเก็บน้ำ 185 ตารางกิโลเมตร และมีเขื่อนขนาดเล็กปิดกั้นช่องเขาขาดอีก 6 แห่ง
ชื่อ "รัชชประภา": หลังจากก่อสร้างแล้วเสร็จ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานนามให้ใหม่ว่า "เขื่อนรัชชประภา" ซึ่งมีความหมายว่า "แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร"
พระองค์ท่านพร้อมด้วยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินเปิดเขื่อนรัชชประภาและโรงไฟฟ้าพลังน้ำ เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2531
ผลกระทบและการอพยพ:
การสร้างเขื่อนและการกักเก็บน้ำที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2529 ทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและท่วมป่าใหญ่จมหายไป ส่วนที่เป็นเนินเขาและภูเขาถูกตัดขาดแยกเป็นเกาะเล็กเกาะน้อยมากมายถึง 162 เกาะ
การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่านานาชนิดที่ขาดแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัย รวมถึงถูกน้ำท่วมฉับพลัน ทำให้มีการดำเนินการอพยพสัตว์ป่าครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นบทเรียนสำคัญด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสัตว์ป่า
ปัจจุบัน:
ปัจจุบัน เขื่อนรัชชประภาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญและมีชื่อเสียง ได้รับฉายาว่า "กุ้ยหลินเมืองไทย" เนื่องจากมีทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขาหินปูนสูงสลับซับซ้อน ตั้งตระหง่านอยู่กลางผืนน้ำสีเขียวมรกต เป็นที่นิยมสำหรับการล่องเรือชมธรรมชาติ พักผ่อนบนแพที่พักกลางน้ำ และสำรวจถ้ำต่างๆ ในบริเวณอ่างเก็บน้ำ.
กิจกรรมในเขื่อนที่สามารถทำได้
- เดินป่าเส้นทางธรรมชาติ ถ้ำปะกายเพชร
- เดินป่าเส้นทางธรรมชาติ ถ้ำปะการัง
- เดินป่าเส้นทางธรรมชาติ น้ำตกบางหอย
- เดินป่าเส้นทางธรรมชาติ ไกรสรวิวพ้อย
- พายเรือฆายัค
- ล่องเรือชมทัศนียภาพ
- ล่องเรือส่องสัตว์
- ว่ายน้ำ